บริษัท UFO



บริษัท UFO จำกัด




ความเป็นมา

                  บริษัท UFO จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 12/1 หมู่ 6 ถ.เพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110 โทร 08-8563-3748
บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้น ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 โดยกลุ่มผู้บริหารตระกูลโตทับเที่ยง เพื่อผลิตผลไม้กระป๋องบริโภค ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทางด้านการผลิต
ให้มีคุณภาพและความสะอาด การคัดเลือกวัตถุดิบที่ต้องให้ได้มาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐาน ISO9002 ที่ให้สำหรับการผลิตที่มีคุณภาพ
ได้มาตรฐานและ ISO14001 สำหรับโรงงานที่มีการจัดการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มอก.18000 มอบให้กับอุตสาหกรรม
ที่ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้บริหาร  และพนักงานทุกท่านภาคภูมิใจเสมอมา และมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานอย่างเคร่งครัด
โดยยึดถือสโลแกนที่ว่า"มุ่งสู่โลกกว้าง สร้างมาตรฐานสินค้า รักษาสิ่งแวดล้อม" ยังคงขยายการผลิตอย่างไม่หยุดยั้ง  เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
 ประเภทสแน็ค  ที่ออกมาสร้างสีสัน   และรสชาติหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค ยังนำพาชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ส่งออกจากประเทศไทยไปผงาดยังตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย


ลักษณะการทำงานในระบบเดิม

                    เมื่อก่อนแต่ละแผนกเวลาจะเก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็นรายชื่อพนักงาน สินค้าเข้า-ออก บัญชีรายรับ-รายจ่าย  และฐานข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้  ก็ต้องใช้การจดบันทึกทุกอย่าง ส่วนในด้านการผลิตสินค้าก็ไม่มีเครื่องมือ
ช่วยต้องใช้แรงงานพนักงานทั้งสิ้นตั้งแต่นำวัตถุดิบเข้ามาแล้วทำการแปรรูป ขบวนการผลิต รวมไปถึงการบรรจุภัณฑ์จนการเคลื่อนย้ายของไปเก็บในคลังสินค้า  ส่วนในด้านการเก็บวัตถุดิบไม่สามารถสั่งเข้ามาเก็บไว้กักตุนไว้ได้ เพราะไม่มีที่สำหรับแช่เย็นไว้  
ส่วนในด้านการเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว มักจะมีปัญหากับของล้นคลังหรือสินค้าขาดสต็อก อาจเกิดมาจากความผิดพลาดของพนักงาน ส่วนในด้านรายรับรายจ่าย เนื่องจากเราไม่มีระบบการคิดคำนวนโดยตรงจึงทำให้ข้อมูลที่เก็บไว้ อาจมีข้อผิดพลาด
ไม่ตรงกับรายรับรายจ่ายจนทำให้รายรับรายจ่ายที่คิดออกมาผิดไป รวมไปถึงการจ่ายเงินให้แก่พนักงานแต่ละฝ่ายเราจะเสียเวลากับการต้องมานั้นจ่ายเงินให้แต่ละคนโดยตรง แทนที่จะมีระบบออนไลน์เข้าบัญชีธนาคาร ส่วนด้วยการบันทึกการเข้าออกของพนักงานก็ต้องใช้การจดบันทึก  เพราะเราไม่มีหลักฐานยืนยันเมื่อพนักงานเกิดการร้องเรียนเรื่องเงินที่ออกมา และการคำนวณเงินเดือนแต่ละเดือนที่ออกมาอาจไม่ถูกต้องแม่นยำที่สุดตามที่คิดไว้


ภารกิจหลักของบริษัท

       1. พัฒนารสชาติของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ถูกปากผู้บริโภค
       2. ผลิตสินค้าให้ออกมาตรงตามใจผู้บริโภคให้มากที่สุด
       3. ผลิตสินค้ามาให้พอกับความต้องการของผู้บริโภค

วัตถุประสงค์ของบริษัท
       1. เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าและเกิดที่ความพึงพอใจของลูกค้า
       2. เพื่อให้สินค้าที่ผลิตภัณฑ์มีความสะอาด อร่อย และถูกหลักอนามัย
       3. เก็บถนอมและปรุงแต่ง(แปรรูป)ผลไม้ให้ได้มากที่สุด

เป้าหมายของบริษัท

            ต้องการผลิตผลไม้กระป๋องออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด


                    แผนผังการจัดการองค์กร บริษัท UFO




หน้าที่และปัญหาของแต่ละแผนก
         
          1. แผนกจัดชื้อ
         - จัดซื้อ จัดหา จัดจ้าง วัตถุดิบ  อุปกรณ์  เครื่องบรรจุภัณฑ์ 
         - จัดหาผู้ขายสินค้าผู้ส่งสินค้ารายใหม่ๆ
         - เปิดเอกสารใบขอซื้อ/ใบสั่งซื้อ จัดใบขอราคา/สืบราคา
ปัญหาของแผนกจัดซื้อ คือ 
                - ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
             - บิลสั่งของอาจหล่นหายจนเช็คของคลาดเคลื่อน
             - บางครั้งสั่งไม่ตรงตามที่ต้องการ
                         
            2. แผนกคลังวัตถุดิบ
                 - ควบคุมและประสานงานด้านวัตถุดิบ
                 - เตรียมวัตถุดิบเพื่อเข้าสู่ขบวนการคัดแยก
ปัญหาของแผนกคลังวัตถุดิบ คือ
                 - วัตถุดิบล้นคลัง
                 - วัตถุดิบที่เข้ามามีเวลาอยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ได้อุณหภูมิ
                 - เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
         
            3. แผนกคลังสินค้า
                 - วางแผนควบคุมบริหารการสั่งซื้อวัสดุใช้งานทั่วไป ภาชนะบรรจุบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
                 - การจัดหาพื้นที่เช่าเพิ่มเติมให้สามารถรับปริมาณสินค้า 
                 - วางแผนควบคุมการปิดฉลาก หีบห่อสินค้า เพื่อส่งออกหรือส่งขายได้ทันเวลาที่ลูกค้า
 ปัญหาของแผนกคลังสินค้า คือ
                 - ทำให้ยุ่งยากต่อพนักงานในการเช็คของ
                 - ในแต่ละคนปิดฉลากไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน ทำให้ฉลากที่ออกไปนั้นไม่สมบูรณ์และไม่                         เหมือนกัน 

             4. แผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์
                 - ผลิตและบรรจุภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
                 - ต้องรักษาความสะอาดอย่าให้มีอะไรปนเปื้อนในการบรรจุภัณฑ์
ปัญหาของแผนกผลิต คือ
                 - ในการบรรจุในแต่ละครั้งได้ปริมาณไม่เท่ากัน
                 - สินค้าที่ต้องผลิตเยอะทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคนทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
                 - ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
                 -  ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
                 - ในการบรรจุภัณฑ์รวมถึงการปิดฝาต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะอาจเกิดอันตรายได้
              
             5. แผนกควบคุมคุณภาพ
                  - ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะส่งออกไปขาย
                  - การวิเคราะห์คุณภาพทางเคมีและแบคทีเรียของผลิตภัณฑ์
ปัญหาของแผนกควบคุมคุณภาพ คือ
                  - ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางทีสินค้าไม่มีคุณภาพและไม่เพียงพอ                         ออกจำหน่าย
                  - ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
        
             6. แผนกขนส่ง
                  - ตรวจสอบรายการสินค้าก่อนนำไปส่งจำหน่าย
                  - ขนส่งสินค้าออกไปส่งจำหน่าย
ปัญหาของแผนกขนส่ง คือ
       - ในการขนส่งบางทีรถที่บรรทุกไปไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดการกระแทกจนกระป๋องบุบได้
       - ตรวจเช็คได้ยากบางทีสินค้าที่จะส่งไปในบริเวณใกล้เคียงกันทำให้เสียเวลา
       - ในการขนย้ายของขึ้นรถของอาจตกหล่นลงได้

      7. แผนกการตลาด
        - สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
        - วางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มและขยายส่วนครองตลาด
        - หาช่องทางการขายสินค้าให้ได้มากที่สุด
        - ประชาสัมพันธ์สินค้า
ปัญหาของแผนกการตลาด คือ
        -ไม่สามารถประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
        - รู้ข่าวสารในตลาดกลางได้ช้า

      8. แผนกบัญชีและการเงิน
        - เปิดใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้
        - จัดทำใบวางบิลค่าสินค้า/ค่าขนส่งสินค้าและบริการอื่น
        - ตรวจสอบการรับเงินโอน เช็ค เงินสด ออกใบเสร็จรับเงิน
        - จัดทำรายงานทางการเงินและบัญชี
ปัญหาของแผนกบัญีและการเงิน คือ
        - อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
        - ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
        - ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้

              9. แผนกรักษาความปลอดภัย
                   - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ปกป้องดูแลชีวิต และทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างไม่ให้ได้                    รับความสูญเสีย
                   - ป้องกันอัคคีภัย ผู้บุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้าม ป้องกันการโจรกรรม และอาชญากรรม การสูญเสียอื่นๆ
ปัญหาของแผนกรักษาความปลอดภัย คือ
                  - เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
                  - เมื่อเกิดปัญหา ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
                  - ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้        

             10. แผนกบุคลากร
                   - จัดหาและคัดเลือกพนักงานที่เข้ามาทำงาน
                   - ทำทะเบียนพนักงาน เก็บประวัติพนักงาน
ปัญหาของแผนกบุคลากร คือ
                   - พนักงานไม่สามารถตรวจสอบตารางการทำงานผ่านทางอื่นได้
                   - ไม่สามารถรู้ถึงจำนวนพนักงานที่ต้องการรับได้
                   - ไม่สามารถสืบค้นประวัติพนักงานย้อนหลังได้


ปัญหาระหว่างแผนก

ปัญหาระหว่างแผนกจัดซื้อกับแผนกคลังวัตถุดิบ
                คือถ้าหากไม่ทราบยอดที่แน่นอนจากคลังวัตถุดิบว่าต้องการของเท่าไรแผนกจัดซื้อก็ไม่แน่ชัด สั่งของเข้ามาอาจไม่พอตามที่ต้องการ

ปัญหาระหว่างแผนกการตลาดกับแผนกคลังสินค้า
                คือหากแผนกการตลาดไม่เช็คท้องตลาดอยู่บ่อยๆสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าก็จะล้นสต๊อกได้

ปัญหาระหว่างแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์กับแผนกคลังสินค้า
               คือหากการผลิตและบรรจุภัณฑ์เอาแต่ผลิตไม่สนใจว่าคลังสินค้ามีสินค้าในคลังเท่าไรทำให้สินค้าล้นสต็อกได้

ปัญหาระหว่างแผนกการตลาดกับแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์
                คือหากการตลาดรู้ว่าตลาดต้องการของจำนวนมากกว่าปกติถ้าแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์ไม่รีบเร่งผลิตก็ทำให้เกิดการเสียดุลการค้าไปได้

ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีและการเงินกับแผนกบุคลากร
                คือหากบริษัทเกิดภาวะไม่มีของที่ผลิตไปขายไม่ได้แล้วถ้าแผนกบุคลากรรับคนเข้ามาเยอะจะทำให้แผนกบัญชีและการเงินต้องเสียค่าแรงงานเพิ่มขึ้น


สรุปปัญหาทั้งหมด
      1. ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
      2. บิลสั่งของอาจหล่นหายจนเช็คของคลาดเคลื่อน
      3. บางครั้งสั่งไม่ตรงตามที่ต้องการ
      4. เมื่อผู้ขายสินค้าเจ้าเก่าส่งสินค้ามาไม่พอแผนกจัดสั่งซื้อของจำเป็นต้องหาผู้ขายสินค้ารายใหม่               อย่างรวดเร็ว
      5. วัตถุดิบล้นคลัง
      6. วัตถุดิบที่เข้ามามีเวลาอยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ได้อุณหภูมิ
      7. เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
      8. ในการลำเลียงวัตถุดิบไปยังการบรรจุภัณฑ์ทำให้ของเสียหายได้
      9. เสียเวลาในการลำเลียงของออกจากคลัง เพราะของมีปริมาณมาก
    10. ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
    11. ในการบรรจุในแต่ละครั้งได้ปริมาณไม่เท่ากั
    12. ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
    13. ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
    14.ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
    15. ต้องใช้พนักงานจำนวนมากในการเคลื่อนย้ายของขึ้นรถ
    16. ตรวจเช็คได้ยาก บางทีสินค้าที่จะส่ง ไปในบริเวณใกล้เคียงกันทำให้เสียเวลา
    17. ในการขนย้ายของขึ้นรถของอาจตกหล่นลงได้
    18. ต้องไปประเมินความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าด้วยตัวเอง
    19. ไม่สามารถประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
    20. รู้ข่าวสารในตลาดกลางได้ช้า
    21. อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
    22. จ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานได้ยาก
    23. ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
    24. สืบค้นบัญชีย้อนหลังได้ยาก
    25. ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้
    26. เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
    27. เมื่อเกิดปัญหา เช่น ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
    28. ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้
    29. พนักงานไม่สามารถตรวจสอบตารางการทำงานผ่านทางอื่นได้
    30. ไม่สามารถรู้ถึงจำนวนพนักงานที่ต้องการรับได้

การใช้ระบบต่างๆในการแก้ปัญหา มีหัวข้อดังต่อไปนี้
1.ระบบจัดการคลังสินค้า
     -  ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
     -  เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
     -  สินค้าที่ออกไปนั้นเกิดความเสียหายได้
     -  เสียเวลาในการลำเลียงของออกจากคลัง เพราะของมีปริมาณมาก
2.ระบบคำนวณเงินเดือน
     -  ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
     -  สินค้าที่ต้องผลิตเยอะ ทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
     -  จ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานได้ยาก
3.ระบบบันทึกบัญชีรายรับรายจ่า
     -  เมื่อผู้ขายสินค้าเจ้าเก่าส่งสินค้ามาไม่พอแผนกจัดสั่งซื้อของจำเป็นต้องหาผู้ขายสินค้ารายใหม่              อย่างรวดเร็ว
    -  อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
    -  ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
    -  ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้
4.ระบบบริหารสารสนเทศพนักงาน
    -  ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
    -  สินค้าที่ต้องผลิตเยอะ ทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
    -  ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
    -  ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
    -  ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
5.ระบบป้องกันภัย
    -  เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
    -  เมื่อเกิดปัญหา เช่น ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
    -  ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้



ลักษณะการทำงานในระบบใหม่
                1. ในส่วนของการตลาด
                                - มีการบันทึกข้อมูลรายละเอียดสินค้า และราคาสินค้าลงในฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการอ้างอิงและเรียกใช้ข้อมูลเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น
                                - ใช้เครื่องอ่านรหัสแถบ อ่านรหัสแถบเพื่อการจำแนกสินค้า และดึงข้อมูลราคาสินค้าจากฐานข้อมูลมาประมวลผล แทนการจดรายการสินค้าด้วยมือแบบเก่า
                                - ข้อมูลรายการสินค้า และยอดรวมราคาสินค้า (ใบเสร็จ) จะมีการจัดพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์
                2. ในส่วนของการจัดการสินค้าคงคลัง
                                - ข้อมูลรายการสินค้า รายละเอียดสินค้า ความเคลื่อนไหวของสินค้า (ยอดขาย) และข้อมูลแหล่งสินค้าจะถูกบันทึกในฐานข้อมูล
                                - มีโปรแกรมอำนวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูล แก้ไขปรับเปลี่ยน และการเพิ่มข้อมูล
                                - มีโปรแกรมประมวลผลยอดขายสินค้า เพื่อการจำแนกความสำคัญของสินค้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับการควบคุมสินค้า
                3. ในส่วนของพนักงา
                               - ทำการบันทึกประวัติของพนักงานโดยเก็บเป็นฐานข้อมูล
                               - มีการให้ Username, Password  แก่พนักงานในการเข้าถึงข้อมูล
                 4. ในส่วนของเจ้าของบริษัท
                               - สามารถดูยอดขายของแต่ละวันเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้า
                               - สามารถดูข้อมูลของพนักงานได้



ขั้นตอนที่ 1
การค้นหาและเลือกสรรโครงการและการประเมินความต้องการของบริษัท

การประเมินความต้องการของบริษัท

                           ตารางแสดงรายการ การทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร




ตารางแสดงรายการ การทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร





แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่และหน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (Function-to-Data Entities)



การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานค้นหาและสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน

ลำดับที่
ระบบย่อย
รายละเอียดของข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการเบื้องต้น
1
ระบบคำนวนเงินเดือน
บริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากข้อมูลที่ได้มีการบันทึกไว้
มีคุณสมบัติดังนี้
1. เงินล่วงเวลา
2. จำนวนวันที่ขาดงาน
3. สลิปเงินเดือนของพนักงาน
4. ภาษีหรือค่าประกันที่ต้องจ่าย
5. รายงานเงินเดือน ให้กับแผนกบัญชีและการเงิน
6. รายงานเงินเดือนให้กับธนาคาร
7. รายงานสรุปยอดเงินเดือนทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้กับผู้บริหาร
2
ระบบบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย
บริหารจัดการเกี่ยวกับการบันทึก รายรับ /รายจ่ายของทั้งหมด
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. รายการรับที่ได้จากการขายผลิตภัณฑ์และผลกำไร
2. รายการรับจากสวัสดิการอื่นๆ
3. รายการจ่ายค่าเงินเดือนของพนักงาน เช่น ค่าล่างเวลา และสวัสดิการของพนักงาน
4. รายการจ่ายที่สั่งวัตถุดิบเข้ามาเพื่อการผลิต
5. รายจ่ายอื่นๆภายในบริษัท
6. ใบกำกับภาษี
7.รายงานสรุปรายรับรายจ่ายทั้งหมดให้กับผู้บริหาร
3





ระบบบริหารสารสนเทศพนักงาน





บริหารจัดการเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดของพนักงานทุกคน เพื่อที่จะสามารถเพิ่มเติม แก้ไข ลบ  ค้นหาข้อมูลพนักงานได้
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. แบบฟอร์มการประเมินผลงานการทำงาน
2. ประวัติของพนักงาน
3. ใบลาออก
4. ใบสมัครพนักงานใหม่
5. รายละเอียดการฝึกอบรมในแต่ละขั้น
6. แบบฟอร์มการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเช่นเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ฯลฯ
7. เก็บข้อมูลและให้ประมวลผลให้กับผู้บริหาร
8. แผนกบุคคลสามารถค้นหาหรือสืบค้นข้อมูลของพนักงานได้
4
ระบบป้องกันภัย
บริหารจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัย
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น เช่น ไฟไหม้ ระบบต้องแสดงผลและส่งเสียงเตือนอัตโนมัติ
2. มีระบบแก้ไขเบื้องต้นโดยอัตโนมัติ
3. แสดงผลออกมาสู่ผู้ควบคุม
5
ระบบการจัดการคลังสินค้า
บริหารจัดการเกี่ยวกับการจัดระเบียบความเรียบร้อยของสินค้าในคลัง
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. ประเภทของผลิตภัณฑ์
2. จัดการกับผลิตภัณฑ์ที่มาก่อนและหลัง
3. เก็บข้อมูลการนำผลิตภัณฑ์เข้า-ออกจากคลัง
4. แสดงผลข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และผลิตภัณฑ์ที่ถูกเอาออกไป
5. ข้อมูลต้องแสดงผลให้แผนกจัดซื้อและแผนกผลิต

ทีมงานได้สร้างแนวทางเลือกต่าง ๆ ก่อนที่จะทำ การเปรียบเทียบในแต่ละแนวทางเลือก มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ทาง เพื่อให้ผู้บริหารพิจารณาว่าควรเลือกวิธีการพัฒนาและติดตั้งระบบใดที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้
    ทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)
    ทางเลือกที่ 2 ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing)
    ทางเลือกที่ 3 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development)
นอกจากนี้ ทางทีมงานได้จำ ลอง (Model) รูปแบบการนำ เสนอแนวทางเลือกที่ดีที่สุด สำ หรับพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานบุคคล (Personal Information System: PIS) ดังรูป


แนวทางเลือกที่ 1: การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้




การประเมินแนวทางเลือกที่ 1
การประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้นํ้าหนัก(คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4  ระดับ ดังนี้
       นํ้าหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100 – 90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
       นํ้าหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89 – 70   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
       นํ้าหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69 – 50   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
       นํ้าหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49 – 30   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง


       ซึ่งผลจากการประเมิน โดยการให้น้ำหนักหรือคะแนนของทีมงาน ปรากฏผลดังต่อไปนี้



สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
จากการประเมินสามารถสรุปได้ว่าจะนำซอฟต์แวร์ A มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและ
ตรงกับความต้องการมากที่สุด จึงเห็นสมควรว่าให้นำแนวทางเลือกนี้ไปเปรียบเทียบในขั้นตอนต่อไป



แนวทางเลือกที่ 2: ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้ 


การประเมินแนวทางเลือกที่ 2 
ใช้เกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เช่นเดียวกันกับแนวทางเลือกที่ 1 ปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
               จากการประเมินสามารถสรุปได้ว่าเลือกบริษัท B  เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด จึงเห็นสมควรว่าให้นำแนวทางเลือกนี้ไปเปรียบเทียบในขั้นตอนต่อไป



การประเมินแนวทางเลือกที่ 3 : ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังตารางต่อไปนี้




สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3
            จากการพิจารณาสามารถสรุปได้ว่าทางทีมงาน มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำ ไว้เป็น TOR โดยใช้ระยะเวลาดำ เนินการจำนวนทั้งสิ้น 6 เดือน และมีค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลา ค่าเบ็ดเตล็ด และค่าสำ รองฉุกเฉิน เป็นต้นรวมทั้งสิ้น 250,000 บาท


เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้งสาม
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำ เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณาเลือกแนวทางทั้งสามตามที่ได้นำโดยมีรายละเอียดดั้งตารางนี้



ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
จากข้อเสนอแนะแนวทางเลือกทั้งสามได้ทำการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้บริหารได้ตัดสินใจได้ผลดังตารางต่อไปนี้




สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
              ได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานและความคุ้มค่าใช้ในการลงทุนแล้ว 




แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
หลังจากโครงการพัฒนาระบบงานฝ่าย ได้รับการอนุมัติแล้ว ทีมงานพัฒนาระบบจึงได้วิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบโดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล ดังนี้


Context Diagram ระบบจัดการสินค้าคลัง



Dataflow diagram ( Level 0 ) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง





       Dataflow diagram ( Level 1) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง





           Dataflow diagram ( Level 2) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง





    ER Diagram ระบบจัดการสินค้าคงคลัง



รูปแบบหน้าจอโปรแกรม